ถ้า คุณมีคำถาม หรือ ยังลังเล เรื่อง โฮมสคูล แล้วละก็ ควรจำไว้ว่า
มีคนที่เป็นเหมือนคุณมากมาย.....และต่อไปนี้ คือคำถาม คำตอบที่พบบ่อยเรื่อง หลักสูตร
คำถาม เราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องสอนอะไรบ้าง และ สอนเมื่อไหร่
คำตอบ สิ่งที่ต้องคิดถึงก่อน ก็คือ คุณวาดอนาคตไว้อย่างไร เช่น ถ้าไม่คิดที่จะกลับเข้าระบบโรงเรียนปกติแล้วละก็ ( หมายถึง ประถมจนจบมัธยม ) จะสอนอะไร เมื่อไหร่ ไม่ใช่สิ่งที่ควรกังวล เป้าหมายที่ต้องทำ คือ สร้างการเรียนรู้ให้เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า สนุก น่าสนใจ เพื่อกระตุ้นให้เด็กรักการเรียนรู้ไปตลอดชีวิตตังหากแต่ถ้าคุณมองว่า อาจจะกลับเข้าระบบโรงเรียน คำถามที่ต้องคิด ก็คือ โรงเรียนแบบไหน?
โรงเรียนรัฐบาล เอกชน สองภาษา นานาชาติ หรือ ไปต่างประเทศ รวมถึงสไตล์ด้วย มอนเตสเซอร์รี่ วอลดอร์ฟ? เพราะหลักสูตรที่โรงเรียนแต่ละแบบสอนก็ต่างกัน เมื่อคุณมีภาพคร่าวๆ ก็ค่อยไปค้นข้อมูลดูเพื่อเป็นแนวทางสอนลูกต่อไป
คำถาม จำเป็นไหมที่เราต้องใช้หลักสูตร
คำตอบ ใช่และไม่ใช่ การโฮมสคูลมีหลากหลายแบบขึ้นกับสไตล์และวิถีชีวิตที่เหมาะกับแต่ละครอบครัว บางครอบครัวชอบที่จะเลือกใช้หลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่ง เพราะรู้สึกว่ามีแนวทางให้ตามและเช็คความก้าวหน้าได้ รวมถึงบางหลักสูตรจะมีข้อสอบให้วัดระดับ แต่บางครอบครัวก็ไม่ชอบใช้เพราะรู้สึกว่า ทำให้เกิดข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม มีหลายครอบครัวที่เริ่มต้นด้วยหลักสูตรเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่ก็มีความมั่นใจที่จะสอนเอง อาจจะเพราะเริ่มเห็นว่า ลูกมีความถนัด ความสนใจ รวมถึงสไตล์การเรียนรู้แบบไหนนั่นเอง ไม่มีอะไรดีกว่า ดูว่าอะไรที่เหมาะสมกว่าเท่านั้นเองสิ่งที่สำคัญที่คนมองข้าม คือ ไม่ว่าจะใช้หลักสูตรหรือไม่ก็ตาม คุณควรสังเกตสไตล์การเรียนรู้ของลูกว่า เป็นแบบไหน เช่น ถ้าเด็กมีแนวโน้มเป็น Visual Learner แต่คุณใช้สื่อที่เป็นเสียงก็อาจจะไม่ช่วย เวลาและการสังเกตจะช่วยแนะแนวทางให้คุณเลือกสื่อที่เหมาะเอง ใจเย็นๆ
คำถาม ถ้ามีลูกมากกว่า 1 คน จะสอนยังไงดี
คำตอบ ก่อนอื่นต้องเปลี่ยนคำว่า สอน (teach) ให้เป็น อำนวยให้เกิดการเรียนรู้ (facilitate) ซึ่งบทบาทต่างกัน การเป็นผู้อำนวยให้เกิดการเรียนรู้ คุณไม่ต้องสอน แต่มีหน้าที่ จัดเตรียมบรรยากาศการเรียนรู้ อุปกรณ์ สื่อต่างๆ เกมส์ ให้เด็กๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด คุณเป็นเพียงคนแนะแนวทาง ช่วยตอบคำถาม หาหนังสือ จัดเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กๆ ทำกิจกรรมด้วยกัน และ เรียนรู้จากกันและกันได้ถ้ามีลูกคนนึงที่โตกว่า ก็อาจจะให้มีเวลาอ่านนิทานให้น้องเล็กฟัง จัดกิจกรรมที่เป็นไปในทางเดียวกันได้ด้วย เช่น เวลาอ่าน เด็กๆ สามารถอ่านหนังสือที่ชอบเองได้ เป็นต้น
คำถาม จะโฮมสคูลเด็กพิเศษหรือเด็กไอคิวสูงมากได้ไหม
คำตอบ จริงๆ แล้วโฮมสคูลเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดกับเด็กกลุ่มนี้ เด็กพิเศษ รวมไปถึงเด็กพิการทางสายตา การได้ยินและอื่นๆ ซึ่งการสอนเองที่บ้านเป็นการสอนตัวต่อตัว เด็กสามารถมีเวลาค่อยๆ พัฒนาทักษะต่างๆที่จำเป็นได้โดยไม่เครียด มีครอบครัวที่สอนอักษรเบรลให้ลูกเอง หรือเด็กไอคิวสูงก็มีเวลาได้ศึกษาลงลึกในสิ่งที่สนใจได้จริงๆ เต็มที่ เด็กบางคนเรียนบางวิชาในระดับสูงกว่าอายุมากๆ ได้และไม่ต้องรอจนถึงเกรดไหนก่อนแล้วค่อยได้เรียน เด็กไอคิวสูงมากๆในระบบโรงเรียน หากครูไม่ใส่ใจจริงแล้ว ก็จะเบื่อที่ต้องเรียนเรื่องที่ทำได้แล้วคำถาม อยากโฮมสคูลมากแต่จะบอกสามี/ภรรยา หรือ ญาติที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร
คำตอบ การบอกคนที่ไม่เห็นด้วย หรือ ไม่รู้เรื่องโฮมสคูล บางครั้งก็เหมือนการโยนระเบิดต่อหน้าตัวเอง คุณจะโดนคำถามมากมายแน่นอนทั้งจากญาติพี่น้อง เพื่อน เพื่อนบ้านสิ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันได้ คือ ความรู้ หาหนังสือ บทความต่างๆ เกี่ยวกับโฮมสคูลมาอ่านให้มากที่สุด หากลุ่มคนที่โฮมสคูล พูดคุยแลกเปลี่ยน เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
คนเรามักจะกลัวสิ่งที่เราไม่รู้จักเสมอ คุณมีหน้าที่อธิบายถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงอยากทำ ข้อดีรวมถึงสถิติต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ พาสามี/ภรรยาหรือญาติไปพบปะกลุ่มโฮมสคูลดูก็จะดี แต่ถ้าทำทุกวิธีแล้ว คุณอาจจะขอเวลาเพื่อทดลองสักแค่ระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1 ปี แล้วค่อยประเมินความสุขของลูกและความมั่นใจของตัวเอง การทดลองเช่นนี้จะลดความเครียดของคุณได้ด้วย
และถ้าลูกเองก็ยังไม่แน่ใจ การพูดคุยกันแบบตรงไปตรงมากับเด็กเป็นวิธีที่ดีที่สุด พูดกับลูกถึงวิธีคิดของคุณ ฟังสิ่งที่ลูกคิดและช่วยกันหาวิธีการเรียนที่ลูกจะสนุก เพราะเป้าหมายก็คือ การได้รับความร่วมมือจากลูกเพื่อให้เค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
การทำโฮมสคูล คนที่สำคัญที่สุดคือ ลูกของคุณเอง หาใช่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้านไม่
เมื่อคนเข้าใจ บางครั้งคนที่เคยต่อต้าน กลับกลายเป็นผู้สนับสนุนโฮมสคูลที่ดีก็มีเหมือนกัน
คำถาม เด็กที่เรียนโฮมสคูลจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้หรือไหม
คำตอบ ในอเมริกา แคนาดาและอีกหลายประเทศ ใช้เกณฑ์ที่เป็นข้อสอบชื่อต่างๆกัน เช่น SAT, ACT และมีการสัมภาษณ์ก่อนรับ ดูแฟ้มประวัติ จากสถิติเด็กโฮมสคูลสอบวัดระดับได้คะแนนเฉลี่ยสูงกว่าเด็กทั่วไป แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยมองหากลับเป็นวุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ ความสนใจและ Portfolio หรือแฟ้มสะสมงานต่างๆ รวมถึง การเป็นอาสาสมัคร ซึ่งเด็กที่โฮมสคูลมักจะมีองค์ประกอบเหล่านี้สุงกว่าเด็กในระบบโรงเรียน สิ่งที่ควรทำเก็บไว้ก็คือ แฟ้มสะสมงานที่ลูกสนใจทำ เช่น งานศิลปะ ภาพถ่าย บทความ เรื่องสั้น ดนตรี กีฬาและอื่นๆ
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องตัวอย่าง โฮมสคูลแต่ละแบบและตารางการโฮมสคูลแต่ละวันค่ะ
เครดิต : Homeschooling For Success
ดีงาม ขอบคุณมากนะคะ :)
ReplyDeleteยินดีค่า
DeleteThis comment has been removed by the author.
Delete